วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

เทคนิคการขับรถออฟโรดเบื้องต้น

การขับรถออฟโรดเบื้องต้น
       การขับรถแบบออฟโรด  จำเป็นต้องเจอเส้นทางโหดๆ ถ้าตำแห่งการนั่งที่ไม่ดีเมื่อรถเกิดการสะเทือนตัวเองียงไปเอียงมา  หมายความว่า ตัวเราจะเคลื่อนไหวจนไม่สามารถควบคุมรถได้เท่าที่ควร  ไม่ว่าจะเป็นพวกมาลัย  คันเร่ง  เบรก  หรือ คลัตซ์  ซึ่งมีความสำคัญ  การขับรพที่ดีควรเป็นไปอย่าราบเรียบ  เมื่อเริ่มรู้สึกเครียดกับการควบคุมบังคับรพ  แสดงว่าเราใช้ความเร็วสูงเกินไป  ควรลดความเร็วลงบ้าง  รถทุกคัน  ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิด จะต้องมีความสามารถในการตอบสนองจากผู้ขับด้วยกันสามประการคือ  การเร่ง  การเบรก  และการเลี้ยว  มันเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง   การขับขี่นั้นควรเป็นไปอย่างนุ่มนวล  และราบเรียบ



ความปลอดภัย
          ระบบความปลอดภัย ถือเป็นหัวใจของการขับขี่ Off Road ดังนั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถ Off Road นั้นก่อนที่จะเคลื่อนรถของท่านออกไป สิ่งแรกที่ควรกระทำคือ การปรับเบาะและพนักพิงให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะกับสรีระของแต่ละท่าน ไม่ชิดกับพวงมาลัยเกินไป หรือห่างจนไม่สามารถจะมองเห็นทัศนวิสัยรอบ ได้ชัดเจน กระจกมองหลังและกระจกมองข้างต้องปรับให้ได้ระดับพอดีให้เรียบร้อย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการคาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งควรจะให้ชินจนกลายเป็นนิสัย มิใช่เฉพาะแต่การขับในเส้นทาง Off Road เท่านั้น ควรจะคาดตลอดเวลาที่เดินทาง เมื่อทุกหย่างเรียบร้อยแล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางได้ พึงจำไว้เสมอว่าในการขับขี่ในทาง Off Road นั้นจะต้อง “ ตาดู หูฟัง สังเกต “ การควบคุมรถ ตำแหน่ง “ท่านั่ง”
ปรับท่านั้นที่สามารถควบคุมรถที่ดีที่สุด มีทัศนวิสัยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ระยะแขนกับพวงมาลัยระยะห่างพอดี สามารถวางระยะขา สามารถควบคุมแป้นเบรก / คันเร่ง / คลัทช์ได้ดี ตำแหน่งการนั่งที่ไม่ดี เมื่อรถเกิดการสั่นสะเทือนเอียงไปเอียงมา หมายความว่า ตัวเราจะเคลื่อนไหวจนไม่สามารถควบคุมบังคับรถได้เท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นพวงมาลัย คันเร่ง เบรก หรือ คลัทช์ ซึ่งมีความสำคัญมาก การขับรถที่ดีควรเป็นไปอย่างราบเรียบ เมื่อรู้สึกว่าเครียดกับการควบคุมบังคับรถ แสดงว่าเราใช้ความเร็วสูงเกินไป ควรลดความเร็วลง

          การจับพวงมาลัย
        จะต้องจับตำแหน่ง 2 นาฬิกา ยื่นหัวแม่โป้ง จากพวงมาลัย ขณะขับขี่ห้าสอด มือ แขน เมื่อ พวงมาลัย เมื่อดึงพวงมาลัย เมื่อเลี้ยวหรือเข้าโค้ง เนื่องจากการขับขี่ทางวิบาก รถอาจตกหลุม กระแทกพวงมาลัยอาจจะหมุนรุนแรงตีมือได้ โดยเฉพาะรถที่ไม่มีโช๊คกันสะบัดและไม่มีเพาเวอร์

การขับขี่รถมีการตอบสนอง 3 ประการ
1. การเร่ง
2. การเบรก
3. การเลี้ยว

การเร่ง
- ค่อยๆเหยียบคันเร่ง เพื่อป้องกันล้อหมุนฟรี
- การเร่งเครื่องแรงเกินไปจนกระทั่งหมุนฟรี จะมีผลเสีย ซึ่งในบางครั้งล้ออาจจะจมลงในทรายหรือโคลน ซึ่งยากต่อการดึงขึ้น หรือเกิดการสไลด์ลื่นไถลทำให้ยากต่อการควบคุม
- รักษาคันเร่งให้คงที่ เป็นวิธีที่จะให้ตัวรถเคลื่อนไปด้วยความราบเรียบและนุ่มนวล ตัวคันเร่งนั้น เมื่อเราใช้เกียร์ต่ำ จะมีผลตอบสนองที่เร็วมาก ด้วยเหตุนี้เราจึงควรเหยียบคันเร่งให้อยู่ในรอบเครื่องยนต์คงที่ตลอดเวลาที่ผ่านอุปสรรคต่างๆ ไม่จำเป็นต้องใช้รอบเคร่องสูงแต่ประการใด ถ้าเครื่องยนต์มีกำลังดีแล้วเพียงรอบต่ำก็พอ
- ถอนคันเร่งเบาๆ เพื่อให้การลดความเร็วเป็นไปอย่างนุ่มนวล
- เมื่อต้องลดความเร็วลง ให้ใช้วิธีค่อยๆ ผ่อนคันเร่งอย่างช้าๆ ไม่ควรถอนคันเร่องอย่างฉับพลันเพราะจากอัตราทดของเฟือง จะทำให้ตัวรถเกิดการกรตุกอาจจะเสียการทรงตัว

การเบรก
- พยายามเบรกอย่างนุ่มนวล ป้องกันมีการลื่นไถล
- ถ้าเบรกรุนแรง อาจทำให้ล้อเกิดอาการล็อกตาย และการลื่นไถล ซึ่งอาจเป็นอันตรายย่างยิ่ง
- หลีกเลี่ยงการใช้เบรก บังคับรถโดย Engine Brake จากเกียร์และระบบ 4X4 L

การเลี้ยว

- ไม่ควรหักเลี้ยวมากจนเกินความจำเป็น การหมุนพวงมาลัยมากเกินไปจะทำให้เกิดการหลงไม่ทราบ ลักษณะการหักเลี้ยวของล้อ ก่อให้เกิดปัญหากับการบังคับทิศทาง
- ถ้ารถเลี้ยวอาการไถลด้านข้างให้ค่อยๆ หมุนพวงมาลัยตามทิศทางที่ลื่นไถลและค่อนๆถอนเท้าออกจากคันเร่ง ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดการหักขืนของตัวรถ ซึ่งจะทำให้เกิดการลื่นไถลมาขึ้น จนยากต่อการแก้ไข และอาจเป็นเหตุผลให้ตัวรถเกิดการพลิกคว่ำได้
- หลีกเลี่ยงการโยกไหล่และศีรษะเมื่อหมุนพวงมาลัย เพราะเมื่อตัวเรานิ่งอยู่กับที่เราสามารถบังคับรถได้ง่าย แต่ถ้าตัวเราโยกศีรษะไม่นิ่ง ก็ก่อให้เกิดปัญหากับการควบคุมบังคับ ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายได้ง่าย โดยเฉพาะยามขับรถบนเส้นทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ


3 ความคิดเห็น:

  1. แบบนี้ปลอดภัยชัวร์

    ตอบลบ
  2. อยากมีทริปยาวสักเดือนเนาะ ออกทิเบตโน่นเลย..แล้วขากลับต้องไม่ใช่เส้นทางเดิมด้วย อ๊ากกกส์!!

    ตอบลบ
  3. อยากมีสักคันจะได้ไปเที่ยวแบบนี้บาง

    ตอบลบ